บันทึกแห่งล้านนา
ตอน ครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านเป็นกระเหรี่ยงยางแดง


...จากงานเขียนของ พระอานันท์ พุทฺธธมฺโม และพระปลัดเชี่ยวชาญ สุวิชฺชาโน ที่ต่างยืนยันเหมือนกันว่า
…ต้นตระกูลครูบาเจ้าศรีวิชัย คือ หมื่นผาบ ที่มีภรรยาชื่อ นางมอญ เป็นชาวกะเหรี่ยงแดง…
.. นอกจากนี้ยังมี คำให้สัมภาษณ์ของ “นายคำ คำอ้าย” ชาวบ้านปาง อายุ 94 ปี (สัมภาษณ์ปี 2557) ว่า “หมื่นผาบนั้นเป็นยางแดง”
.. การจะเข้าใจเรื่องเผ่าพันธุ์ “ยางแดง” ในลำพูนที่ถูกระบุว่า เป็นบรรพบุรุษของครูบาเจ้าศรีวิชัย นาม หมื่นผาบนั้น จำเป็นต้องศึกษาเรื่องสายสัมพันธ์ของชาติพันธุ์ “ยางแดง” กับความเป็นมาของเจ้าหลวงลำพูนองค์หนึ่งควบคู่กันไป
.. นั่นคือเรื่องราวของ เจ้าหลวงดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ หรือเจ้าน้อยดาวเรือง เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 7 (พ.ศ.2414-2431) ซึ่งเจ้าหลวงองค์นี้ก็มีเชื้อสายยางแดงทางสายเลือดฝ่ายมารดา
.. เจ้าแม่ของเจ้าหลวง คือ เจ้านางโก๊ะ (เจ้านางกั๊วะ) เป็นธิดาของเจ้าฟ้าเมืองกันตรวดี หรือเมืองยางแดง (สำเนียงกะเหรี่ยงออกเสียงว่าเมืองลอยก่อ) ที่เสกสมรสกับเจ้าหลวงไชยลังกาพิศาลโสภาคยคุณ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 6
... ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2395 ในยุคที่เจ้าหลวงไชยลังกาพิศาลโสภาคยคุณ ยังเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูนอยู่นั้น ได้เกิด “สงครามเชียงตุง” ขึ้น
.. ขณะนั้น “เจ้าน้อยดาวเรือง”ซึ่งต่อมา ก็คือ เจ้าหลวงดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ อายุ 26 ชันษา ได้รับมอบหมายจากพระบิดา ให้ยกทัพลำพูน 500 คนไปตีเมืองเชียงตุง ตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าแผ่นดินสยาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
... ท่านได้เดินทางไปพร้อมกับเจ้าหนานสองเมืองและเจ้าน้อยบุญเป็ง ในระหว่างที่คุมทัพนั้นเอง มีนักรบเผ่ายางแดงจากเมืองกันตรวดี เข้าร่วมสมทบเพิ่มในกองทัพด้วย
.. และเมื่อตอนยกทัพกลับลำพูน เจ้าน้อยดาวเรือง รู้สึกถูกชะตากับชาวยางแดงนายหนึ่ง จึงชักชวนให้มาอาศัยอยู่ในลำพูนด้วยกัน ยางแดงผู้นั้นมีนามว่า “หมื่นผาบ” โดยให้มาทำหน้าที่เป็นหมอคล้องช้าง

... เชื้อสายครูบาเจ้าศรีวิชัย เริ่มไร่เรียงจากบิดาของท่าน มีชื่อว่า “ควาย” ส่วนมารดาชื่อ “อุสา” นายควายนั้นเป็นลูกของ “นายอ้าย” ซึ่งเป็นลูกเขยของ “หมื่นผาบ”
.. “หมื่นผาบ” เป็นตำแหน่งของ “หมอคล้องช้าง” ตั้งให้โดยเจ้าหลวงดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ หมื่นผาบมีนามเดิมว่า “มาต่า” เป็นน้องชายของเจ้าเมืองยางแดง
.. คำว่า “ผาบ” เป็นภาษาล้านนา หมายถึง “ปราบ” ในภาษาไทยกลาง ตำแหน่งที่มีคำว่า “ปราบ” มักแต่งตั้งให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคาถาอาคม มีความแกร่งกล้าคงกระพันชาตรี
.. เจ้าหลวงดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ ได้ให้หมื่นผาบตั้งหลักแหล่งอาศัย อยู่แถววัดสันป่ายางหลวง อำเภอเมืองลำพูน เนื่องจากบริเวณบ้านสันป่ายางหลวงนี้ เป็นเขตที่เจ้าหลวงลำพูนยกให้ เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างถิ่นที่มาช่วยงานในคุ้มเสมอมา
.. เมื่อนายอ้ายซึ่งเป็นลูกเขยของหมื่นผาบ ไปคล้องช้างกับหมื่นผาบที่บ้านปาง เมืองลี้ นายอ้ายได้จับจองที่นา ซึ่งเดิมเป็นบึงโคลนที่แรดมาอาศัยหมกโคลนอยู่ เรียกภาษาพื้นถิ่นว่า “ป้อดแฮด” (แฮด คือแรด) เป็นที่ทำกิน ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดบ้านปาง
.. ขณะนั้นบ้านปางมีลำธารไหลผ่าน คือ ห้วยแม่ปาง มีราษฎรตั้งบ้านเรือนอยู่ประมาณ 20 หลังคาเรือน ชาวบ้านทำไร่ทำนาและหาของป่าเป็นหลัก

.. ปัจจุบันบ้านปาง อยู่ในเขตการปกครองตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีการตั้งศาลหมื่นผาบ (ปู่ทวดของครูบาเจ้าศรีวิชัย) ในบริเวณป่าใหญ่ด้านหลังวัดบ้านปางทางทิศตะวันตก
.. อนึ่ง คำว่า “บ้านปาง” มีการสันนิษฐานที่มาของชื่อไว้สองนัย นัยแรก อธิบายว่าหมายถึง “ปางช้าง” สถานที่เลี้ยงช้างและฝึกช้างของหมื่นผาบให้แก่เจ้าหลวงดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ เรื่อยมาจนถึงปางช้างของบริษัทบอร์เนียวเบอร์มา ในยุคสัมปทานป่าไม้
.. และอีกนัยหนึ่ง เป็นชื่อเฉพาะของลำน้ำสายหนึ่ง ที่ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำลี้ ชื่อ “ห้วยแม่ปาง”นายอ้ายนั้นมีภรรยา 2 คน คนที่ชื่อน้อย (ลูกสาวของหมื่นผาบ) เป็นแม่ของนายควาย
.. ต่อมานายควายได้แต่งงานกับนางอุสา ผู้เป็นมารดาของครูบาเจ้าศรีวิชัย บ้างก็ว่าเป็นชาวเชียงใหม่ บ้างก็ว่าเป็นบุตรสาวของพ่อหนานไชยา (ไจยา) ชาวเมืองลี้
.. เรื่องนี้ นายคำ คำอ้าย ยืนยันว่า นางอุสาเป็นคนบ้านปางโดยกำเนิด ทั้งยังไล่เรียงลำดับญาติพี่น้องของนางอุสาให้ฟังว่า มีด้วยกัน 4 คน คือ ย่าสา ย่ามูล ย่าบุก และย่าหล้า หมายความว่า นางอุสาหรือย่าสาเป็นลูกสาวคนโต
.. ส่วนบรรพชนรุ่นถัดขึ้นไป จากนางอุสาไม่สามารถสืบค้นได้ มีการยืนยันถึงข้อมูลเรื่องเชื้อสายกะเหรี่ยงของครูบาเจ้าศรีวิชัย ปรากฏในเอกสารกรมราชเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี เลขที่ สร.0202.8/20

.. โดยปี พ.ศ.2475 รัฐบาลได้ส่งพระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) ขึ้นมาศึกษาความเป็นไปของสภาพสังคมเมืองเหนือ
.. ในฐานะที่ท่านเป็นเพื่อนเก่า ของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย คือเจ้าแก้วนวรัฐ
.. วัตถุประสงค์สำคัญในการมาครั้งนี้ คือ เพื่อดูทีท่าของเจ้านายฝ่ายเหนือที่มีต่อรัฐบาลระบอบใหม่ พระยาสุริยานุวัตรได้เขียนรายงานเสนอต่อพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี ตามหนังสือลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2475 ว่า
“…ในเมืองเชียงใหม่ ข้าพเจ้าสืบถามดูได้ความชัดเจนว่า พระราชชายาเธอ (เจ้าดารารัศมี) และเจ้าแก้วนวรัฐ เป็นผู้ที่มีอำนาจที่ราษฎรนับถือมาก
.. แต่คนสำคัญที่มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเจ้านายทั้งสิ้นในเมืองเชียงใหม่นั้น มีเถรรูปหนึ่งชื่อ “ตุ๊เจ้าศรีวิไชย” เป็นเจ้าคณะวัด (พระ)สิงห์ เชื้อกะเหรี่ยง ตำบลบ้านปาง แขวงเมืองนครลำปาง (ข้อมูลในส่วนนี้คลาดเคลื่อนน่าจะพิมพ์ผิด ในความเป็นจริงคือนครลำพูน)
.. คนนับถือท่านนี้ทั้งเมือง ตลอดจนถึงเชียงตุง จะว่าอะไรหรือปรารถนาอะไรคงสำเร็จทั้งสิ้น เถรองค์นี้ถือพุทธศาสนาเคร่งครัดมาก มีฉันอาหารวันละมื้อ และไม่ฉันอาหารเนื้อสัตว์ เป็นต้น…”
.. จะเห็นได้ว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการมีเชื้อสายกะเหรี่ยงของครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นที่รับรู้กันทั่วไปอย่างกว้างขวางในสังคมล้านนา ณ ห้วงเวลาร่วมสมัยกับที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่
.. ภาพครูบาเจ้าศรีวิชัยหันด้านข้าง ที่นำมาลงประกอบนี้ เป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง พบว่าในวัยหนุ่มก่อนบรรพชาเป็นสามเณร
.. ท่านเคย “เจาะหู” มาก่อน ตามธรรมเนียมของชาวล้านนาและชาวกะเหรี่ยงทั้งชายหญิง เชื้อสายสายพ่อของท่าน สืบไปถึงปู่ทวด เป็นสายของชาวยางแดง (กะเหรี่ยงแดง) จากเมืองกันตรวตี
... ส่วนฝ่ายแม่คือนางอุสา ไม่ระบุชาติพันธุ์แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นชาวยอง (ประชากรส่วนใหญ่ในลำพูน) ผสมกับชาวกะเหรี่ยงขาว (กะเหรี่ยงพื้นเมืองในลำพูน) ก็เป็นไปได้
.. จึงเป็นเหตุที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย พูดภาษาหลักในชีวิตประจำวัน เป็นภาษายอง ไม่ได้พูดภาษาของชาวไทโยน?แบบคนทั่วไปในล้านนา
***********************
บริการจัดทัวร์
ทัวร์เชียงตุง ทัวร์เมืองยอง ทัวร์สิบสองปันนา ทัวร์คุนหมิงจีน ทัวร์หลวงพระบาง ทัวร์วังเวียงลาว ทัวร์มัณฑเลย์ ทัวร์พุกาม ทัวร์ทะเลสาบอินเล ทัวร์ตองจี ทัวร์รัฐฉาน
บริษัท เชียงรายมีเดีย แอนด์ ทราเวล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 21/00833
โทร : 092-891-2277,093-2537733,053-727255
ไลน์ไอดี : @chiangtung
เว๊ปไซค์ : Chiangtungbiz.com
youtube:http://bit.ly/2HDFdMO